Friday, 29 March 2024

ขนมจีบ มาจากไหน ?

29 Mar 2023
282

ปก ขนมจีบ มาจากไหน ?

ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็น ลมหนาวพัดมาตอนเช้าๆ นั่งจิบน้ำชาร้อนๆ คู่กับอาหารว่างก็จะดีมากเลย ว่าแล้วก็นึกถึงอาหารว่างอีกอย่างหนึ่ง เป็นอาหารว่างที่ทานกันได้ ทุกเพศ ทุกวัย ทานแล้วอิ่มท้อง เป็นอาหารว่างที่ห่อด้วยแผ่นเกี้ยว มีไส้อยู่ตรงกลาง ไม่ว่าจะเป็นไส้หมู ไส้กุ้งหรือปูก็จะมีรสชาติหอมละมุนนุ่มอร่อยมีการห่อคล้ายกับดอกไม้บาน อาหารว่างนี้ก็คือ ขนมจีบ owenhillforsenate พามาดูประวัติความเป็นมาของขนมจีบกันเลย

ขนมจีบเริ่มมีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรตั้งแต่สมัยราชวงศ์หยวนโดยบันทึกไว้ว่า ขนมจีบนั้นใช้ข้าวสารนวดเป็นแป้ง ใช้หมูเป็นไส้ ที่ยอดขนมจีบให้ทำเป็นรูปดอกไม้จากที่บันทึกไว้ทำให้เราทราบกันว่าขนมจีบของจีนมีประวัติยาวนานกว่า 700 ปีแล้วโดยขนมจีบนั้นเดิมทีเป็นวัฒนธรรมของเมืองฮูฮอต มองโกเลียใน จากการนำมาขายในร้านน้ำชาบนเส้นทางสายไหมจนได้ชื่อว่า (Shao mai) ที่แปลว่า สินค้าที่ขายเป็นงานอดิเรกเครื่องเคียง หรือ อาหารเรียกน้ำย่อยคู่กับชาถูกนำมายังกรุงปักกิ่งและเทียนจินโดยพ่อค้าจากชานซีในช่วงระหว่างราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง ขนมจีบเป็นอาหารว่างที่โดยปกติแล้วมักจะทานตอนสายๆ ก่อนเที่ยง แต่ปัจจุบันก็สามารถหารับประทานได้ตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนดึก ขณะเดียวกันชาวนาตามชนบทเมื่อทำงานเหนื่อยล้าก็จะแวะพักผ่อนและดื่มน้ำชายามบ่ายตามร้านน้ำชาเหล่านี้ ขณะที่ดื่มน้ำชาก็จะต้องมีอาหารกินเล่นเพื่อกินคู่กับน้ำชาบรรดาเจ้าของร้านจึงเริ่มคิดหาอาหารกินเล่นต่างๆ ขึ้นมาจึงเป็นที่มาของติ่มซำในเวลาต่อมา ด้วยความที่เป็นอาหารกินง่ายและรสชาติแปลกใหม่ ขนมจีบจึงกลายเป็นอาหารที่นิยมไปทั่วโลก

ขนมจีบกุ้ง

ขนมจีบ” ในภาษาจีนเรียกว่า “ซาวม่าย” ซึ่งในแต่ละท้องที่จะมีการเรียกที่แตกต่างกันไปบ้าง แต่จะต่างที่เพียงเสียง หรือการใช้อักษรแทนเสียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

“ขนมจีบ” เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์หยวน หรือราวๆ 700 กว่าปีก่อน โดยขนมจีบนั้นเดิมทีเป็นวัฒนธรรมของเมืองฮูฮอต มองโกเลียใน จากการนำมาขายในร้านน้ำชาบนเส้นทางสายไหมจนได้ชื่อว่า “ซาวม่าย” ที่แปลว่า สินค้าที่ขายเป็นงานอดิเรกเครื่องเคียง หรือ อาหารเรียกน้ำย่อยคู่กับชา

และต่อมาในช่วง ระหว่างราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิงขนมจีบก็ได้ถูกนำเข้ามายังกรุงปักกิ่งและเทียนจินโดยพ่อค้าจากซานซี และได้มีการเปลี่ยนตัวอักษรแทนเสียง

“ขนมจีบ” เป็นที่นิยมมากที่สุดในมณฑลกวางตุ้งและถือเป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยมของอาหารติ่มซำ ปัจจุบันได้แพร่หลายไปยังหลายๆประเทศทั่วโลก เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของอาหารจีนที่คนทั่วโลกรู้จักเลยก็ว่าได้

โดยทางเหนือ เช่นในบริเวณปักกิ่ง จะเรียกว่า “ซาวม่าย” โดยใช้อักษรคำว่า “烧麦” แทนเสียงคำว่าซาวม่าย แต่ในบริเวณมณฑลเจียงซู เจ้อเจียง กวางตุ้ง  และกวางซีจะเรียกว่า “ซาวม่าย” โดยใช้อักษรว่า (shao mai)แทนเสียง บางพื้นที่อาจแตกต่างมากกว่าที่อื่น เช่น บริเวณแถบแต้จิ๋วจะเรียกว่า “เซียวหมี่” เป็นขนมที่นิยมรับประทานกันทั้งชาวใต้และชาวเหนือของจีน

ขนมจีบ

ขนมจีบเป็นที่นิยมสำหรับชาวเมืองกว่างโจว มณฑลกวางตุ้ง ซึ่งต่อมาได้แพร่หลายทั่วโลกตามลำดับ ในสมัยก่อนขนมจีบมักนิยมรับประทานคู่กับน้ำชา และถือเป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยมของอาหารติ่มซำ dim sum; ภาษาจีนกลาง อ่านว่า เตี่ยนซิน; ภาษากวางตุ้ง อ่านว่า ติ่มซำ) เช่นเดียวกับซาลาเปา ซึ่งเรียกง่ายๆก็คือ ติ่มซำคืออาหารว่างที่นิยมรับประทานกับน้ำชาของชาวจีนกวางตุ้ง และขนมจีบก็เป็นหนึ่งในจำพวกแผ่นแป้งห่อ ของเมนูติ่มซำที่รับมาจากวัฒนธรรมฮูฮอต ของชาวมองโกลนั่นเอง

ติ่มซำเป็นอาหารว่างที่โดยปกติแล้วมักจะทานตอนสายๆ ก่อนเที่ยง แต่ปัจจุบันก็สามารถหารับประทานได้ตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนดึก ซึ่งจะพบเห็นได้ที่ฮ่องกง ติ่มซำเกิดขึ้นที่เมืองกวางตุ้ง มีตำนานเล่ากันว่าสมัยก่อนนั้นมีนักเดินทางตามเส้นทางสายไหม มักจะหาสถานที่เพื่อแวะพักผ่อนระหว่างการเดินทาง ดังนั้นบนเส้นทางสายไหมจึงเต็มไปด้วย ” ร้านน้ำชา”หรือ “Yum Cha” เพื่อต้อนรับอาคันตุกะนักเดินทางแปลกหน้าเป็นประจำ

ขณะเดียวกันชาวนาตามชนบทเมื่อทำงานเหนื่อยล้าก็จะแวะพักผ่อนและดื่มน้ำชายามบ่ายตามร้านน้ำชาเหล่านี้ ขณะที่ดื่มน้ำชาก็จะต้องมีอาหารกินเล่นเพื่อกินคู่กับน้ำชาบรรดาเจ้าของร้านจึงเริ่มคิดหาอาหารกินเล่นต่างๆ ขึ้นมาจึงเป็นที่มาของติ่มซำในเวลาต่อมา ด้วยความที่เป็นอาหารกินง่ายและรสชาติแปลกใหม่ ติ่มซำจึงกลายเป็นอาหารที่นิยมไปทั่วโลก

สนับสนุนโดย sacasino.win