Wednesday, 3 April 2024

ประวัติเครื่องหนัง และความเป็นมา

ปก ประวัติเครื่องหนัง และความเป็นมา

เมื่อพูดถึง หนังแท้ ก็คงจะมีหลายๆ คน อยากมีเครื่องหนังแท้ๆ ไว้ครอบครอง เพราะหนังแท้ มีคุณสมบัติที่แตกต่างจากวัสดุอื่นๆ อย่างชัดเจน ทั้งความรู้สึกสัมผัสที่นุ่มมือ เป็นธรรมชาติ และมีความคุ้มค่า อายุการใช้งานสูง

แม้ในปัจจุบัน จะมีประเภทหนังสังเคราะห์ชนิดต่างๆ ออกมามากมาย ทั้งเลียนแบบที่ใกล้เคียงกับหนังแท้มากจนบางครั้งก็แยกแยะกันไม่ออกเชียว ยิ่งใครที่ยังใหม่กับผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง ก็อาจจะมีสับสนได้ แม้ว่าหนังสังเคราะห์ประเภทต่างๆ จะมีนวัตกรรมใหม่ ๆ  อวดโฉมในตลาดกันมามากเพียงใด แต่หนังแท้ก็ยังคงเป็นตำนานของประเภทหนังที่ไม่มีใครเลียนแบบคุณสมบัติพิเศษได้เลย วันนี้ owenhillforsenate จะมาเล่า ประวัติเครื่องหนัง ให้ทราบกัน

หนังแท้ ถือกำเนิดขึ้นพร้อมๆ กับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและยุคต่างๆ ตามประวัติศาสตร์ หากพูดให้เข้าใจกันง่ายๆ ก็คือ หนังแท้ มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านวัตถุ และนำมาซึ่งความเจริญของยุคสมัย เครื่องหนังหรือหนังสัตว์ นั้นได้ถูกนำมาผลิตเป็นของใช้ ของจำเป็นในชีวิตประจำวันมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ แต่เดิมมนุษย์เราได้ใช้หนังสัตว์เป็นเครื่องนุ่งห่ม จากนั้นก็นำมาทำเป็นอุปกรณ์ป้องกันการต่อสู้ นำทำมาเป็นพรม เป็นที่รองนอน ยกตัวอย่างสาวชาวอียิปต์ ถือว่าหนังขนสัตว์ เป็นเครื่องประดับอันเลอค่า เสมือนเครื่องเพชร ชิ้นงามในยุคปัจจุบันเลย หรืออย่างทหารโรมัน ใช้หนังสัตว์ในการทำเป็นเสื้อ และนี่คือหนังทั้งหมด 9 ประเภทที่นิยมนำมาผลิตเป็นรองเท้า ที่เราอยากให้คุณรู้จักก่อนซื้อ

หนังแท้

– หนังประเภท Roughout คือหนังที่มีด้านหยาบซึ่งเกิดจากกล้ามเนื้อที่ติดกับหนัง มักจะอยู่เป็น Texture ด้านนอกของตัวรองเท้า ซึ่งถือแม้ว่าตัวหนังจะหยาบแต่กลับนิ่ม และมีความหนาพอเพื่อนำมาผลิตเป็นรองเท้า Boots ที่ใช้ในกองทัพทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ไม่ได้ต้องการความเงาของตัวหนัง และเชื่อกันว่าหนังประเภทนี้นั้นระบายอากาศได้ดีกว่าหนังแบบอื่น

– Pull-Up คือหนังที่ถูกเคลือบด้วย Waxed และ น้ำมันแต่งสีผิวหนัง สิ่งหนึ่งที่คุณจะสามารถเห็นได้ชัดจากหนังประเภทนี้ก็คือ “หากคุณดึงหนังบางส่วน หนังจะเปลี่ยนสีเป็นอ่อน” จึงเป็นที่มาของคำว่า Pull-Up นั่นเอง โดยข้อดีของหนังประเภทนี้ก็คือ ตัวมันเองนั้นไม่ได้ต้องการการดูแลรักษามากเท่ากับหนังอย่าง Veg-Tanned เนื่องจากตัวหนังผ่านการเคลือบ Waxed มาแล้ว

– Chamois อาจไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก แต่ถ้าพูดว่า “ผ้าชามัว” หลายๆ คนน่าจะเริ่มคุ้นหูมากขึ้น แน่นอนครับว่า Chamois เป็นหนังที่มีคุณสมบัติซับน้ำได้ดี / นิ่มมือมากเป็นพิเศษ และมีตุ่มเล็กๆ ขึ้นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ จึงมักนำมาผลิตเป็นวัสดุทำความสะอาดเสื้อผ้า แต่เมื่อนำมาผลิตเป็นรองเท้า หนัง Chamois จะถูกเคลือบและอัดด้วย Waxed ในปริมาณที่สูงเพื่อป้องกันการดูดซับความชื้นที่เกิดขึ้นจากการใช้งานเวลาสวมใส่ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครหลายๆ คนที่ไม่ชอบมานั่งดูเวลารองเท้าหนังหนังจากซื้อไป ใส่อย่างเดียว และต้องการหนังที่นิ่มเป็นพิเศษ และไม่ต้องการหนังมันๆ เงาๆ

– หนังกลับ คือคำนิยามของคำว่า Suede ซึ่งจะมีความคล้ายคลึงกับหนังประเภท Roughout มากแต่จะถูกตัด / เจีย ให้หนังบางลงและมีความหยาบที่เท่าๆ กันตลอดทั้งผืน จึงเป็นหนังที่มีความสวยงามมากกว่า นิ่มกว่า และบางพอที่จะนำมาผลิตของใช้ชิ้นเล็กๆ ที่สัมผัสกับผิวส่วนอื่นๆ ตามร่างกายได้โดยไม่ระคายเคือง อย่างเช่นถุงมือเป็นต้น ซึ่งคำว่า Suede เองนั้นมีรากมาจากคำว่า “ถุงมือ” ด้วยนะ

หนังกลับ

– หนัง Scotch Grain นั้นผลิตในประเทศ Scotland โดยมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า Pebble Grain โดยเอกลักษณ์สำคัญก็คือลายแตกของหนังที่เกิดขึ้นจากการฟอกด้วยกรรมวิธีที่ใช้ถังไม้บ่ม Whiskey โบราณ จนได้เป็นลายแตกคล้ายหนัง Rhino ซึ่งกรรมวิธีดังกล่าว ทำให้หนัง Scotch Grain นั้นทนทานต่อสภาพอากาศที่หลากหลายได้ดี และถือเป็นหนังที่ชาวอังกฤษนิยมใช้กัน เพราะอย่างที่ทราบว่า อังกฤษคือเมืองที่ฝนตกตลอดเวลา อาจเจอหมอก หรือแดดก็ได้ในแต่ละวัน

– หลายๆ คนที่ต้องการซื้อรองเท้าหนังดีๆ สักคู่หนึ่ง มักเลือกรองเท้าที่ผลิตด้วยหนัง Shell Cordovan โดยหนังประเภทนี้ถือเป็นหนังที่หายากที่สุดในโลก และผลิตได้จำนวนน้อยมากต่อปีเมื่อเทียบกับหนังประเภทอื่นๆ แถมราคาแพงแบบสุดๆ เพราะหนังจากหนังสะโพกม้า ที่ทนทานต่อการยืดและทนน้ำได้อย่างไม่น่าเชื่อ

– Calfskin คือหนังที่ผลิตจากหนังวัวอายุน้อย เพื่อให้ได้หนังที่บาง มีลายสวย นิ่ม และสภาพหนังดี ปลอดภัยจากรอยต่างๆ แถมยังแข็งแรงทนทานอีกด้วย ด้วยคุณภาพดังกล่าว ทำให้เป็นที่นิยมนำมาใช้เขียนบันทึกในยุค Medieval และช่วงต้นของยุค Renaissance ก่อนที่กระดาษจะเป็นที่นิยมมากขึ้นในเวลาต่อมา

– หนังประเภทนี้คือหนังที่ได้รับการเคลือบให้เงามากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยใช้หนัง Calfskin เป็นหลัก โดยทำการเคลือบสารพิเศษ ซึ่งพัฒนาต่อยอดจากการเคลือบแบบญี่ปุ่นในช่วง 1800s เพื่อให้ได้ผิวที่เงามันเป็นพิเศษ ซึ่งในปัจจุบันนั้น เลือกใช้พลาสติกเป็นหลัก

สนับสนุนโดย ebet88.vip