ในปัจจุบันมีวิธีการลดน้ำหนักหลายอย่างมาก แนะนํา 1 วิธีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน คือการลดน้ำหนักแบบ IF หรือ intermittent fasting เดี๋ยวลองดูกันดูว่าวิธีการทํา IF ทํากันยังไงมีเคล็ดลับอะไรบ้าง
โรคอ้วนเป็นหนึ่งสาเหตุทําให้เกิดโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคความดัน ไขมัน เบาหวาน โรคหัวใจ โรคเข่าเสื่อม มากมายเลย ดังนั้นการที่ปล่อยให้น้ำหนักเราเกินหรือว่าอ้วนเป็นระยะเวลานาน ๆ ก็จะส่งผลเสียต่อร่างกาย ดังนั้นจึงจําเป็นมาก ๆ ในการที่เราจะต้องลดน้ำหนักลงมาในอยู่ให้อยู่ในระดับปกติ
IF คือ ?
Intermittent Fasting (IF) หรือการอดอาหารเป็นช่วง ๆ เป็นวิธีลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งการลดน้ำหนักแบบ IF เป็นการกำหนดช่วงเวลาในการอดอาหาร (Fasting) และรับประทานอาหาร (Feeding) โดยไม่ได้เน้นที่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการบริโภคอาหาร แต่การกำหนดเวลาในการรับประทานอาหารจะทำให้ลดปริมาณการกินอาหารและลดพลังงานจากอาหารที่ได้รับ และในช่วงเวลาที่อดอาหาร (Fasting) ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ลดลง ส่งผลให้การเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดไปเป็นไขมันลดลง
ข้อที่ 1 เรื่องระยะเวลาให้เหมาะสมกับตัวเรา ว่าการลดน้ำหนักแบบ IF ก็จะมีช่วงเวลาที่รับประทานอาหารแล้วจะมีช่วงระยะเวลาที่อดอาหาร ดังนั้นเราควรจะเลือกระยะเวลาให้เหมาะสมกับตัวเราว่าช่วงไหน? จะอดช่วงไหน? ซึ่ง ในปัจจุบันก็จะมีอยู่หลายสูตรด้วยกันไม่ว่าจะเป็น 5 : 19 / 4 : 20 / 8 : 16 เยอะแยะมากมาย ตามประสบการณ์ที่เคยทํามาจะแนะนําว่าให้ใช้สูตร 8 : 16 คืออะไร 8 คือรับประทานอาหารเป็นช่วงระยะเวลาที่รับประทานอาหารได้ 8 ชั่วโมงส่วนอีกอันหนึ่งคําว่า 16 คือระยะเวลาที่เราอดอาหาร 16 ชั่วโมง ยกตัวอย่าง ช่วงเวลาแปดโมงเช้านะครับก็จะเริ่มรับประทานอาหาร ตอนเที่ยงก็รับประทานอาหารตอนมื้อกลางวัน เสร็จแล้วสี่โมงเย็น อาจจะหาของว่างอะไรทานอีกหน่อยก็ครบแล้ว สี่โมงเย็นจะหยุดทานอาหารในช่วงระยะเวลานี้มากินอีกทีอีกวันหนึ่งก็คือช่วงแปดโมงเช้าของอีกวัน อันนี้เป็นหลักการ ในการเลือกแต่เราก็ต้องดู ความเหมาะสมของเราด้วยว่าในแต่ละวัน
ข้อที่ 2 ให้รับประทานอาหารตามปกติ อันนี้เป็นข้อดีของการทํา IF คุณสามารถที่จะทานขนมได้ทานข้าวได้ แนะนําว่าให้ทานตามปกติได้ เพราะว่าตามหลักการของ IF เราจะไม่ค่อยคํานึงถึงแคลอรีของอาหาร เราจะเน้นระยะเวลามากกว่า ซึ่งบางคนจะชอบเข้าใจผิดนําสองอย่างมารวมกันคือนับแคลอรี่แล้วก็ทํา IF อาจจะอันตราย อาจจะเป็นลมได้ ยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณตื่นเช้ามาแปดโมงเช้าจะกินนมแค่กล่องเดียวแล้วก็กลางวันอาจจะทานข้าวตามปกติ ขาหมูหรือว่าข้าวอะไรก็ได้ เสร็จแล้วตอนบ่ายไม่กินแล้ว จากนั้นไม่กินอีกเลย แล้วยิ่งไปออกกําลังกายแบบนี้พลังงานอาจจะไม่เพียงพอ ดังนั้นอาจจะไปทําให้คุณเป็นลมได้แนะนําว่าการทํา IF ก็ไม่ต้องคํานึงถึงแคลอรี่มากเท่าไหร่ แนะนําว่าให้ทานตามปกติแค่ลดมื้ออาหารตอนเย็นไปพูดง่าย ๆ ก็คือลดมื้ออาหารไปสักมื้อหนึ่งแล้วก็ทําให้คุณน้ำหนักลดลง
ข้อที่ 3 ค่อยๆเพิ่มระยะเวลาอดอาหาร ช่วงเวลาที่แนะนำอดอาหารก็คือ อดอาหาร 16 ชม. ทานได้ 8 ชม. แต่ต้องบอกว่าเริ่มแรกอาทิตย์แรกหรือว่าสองอาทิตย์จะทรมานมาก เพราะว่าในทั้งชีวิตเราเรากินสามมื้อเรากินมาทั้งชีวิต พอเราจะให้เราอด 16 ชม.แล้วกินแค่ 8 ชม. โดยปกติก็จะเริ่มตั้งแต่ก่อนกินอาหาร 12 ชม. แล้วก็อดอาหาร 12 ชม. ก่อนคือมันเป็นการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารของเราด้วยทำให้เราสามารถงดมื้อเย็นไปได้
ข้อที่ 4 ห้ามรับประทานอาหารที่มีพลังงานตอนอดอาหารหลายคนถามว่าการทํา IF ช่วงที่อดอาหารสามารถรับประทานอะไรได้บ้าง..กินน้ำผลไม้ได้มั้ย กินน้ำผึ้งได้มั้ย ต้องบอกว่าถ้ามีน้ำตาลมีความหวาน ไม่ได้เลย มันจะทําให้ร่างกายของเราไม่ได้อดอาหาร มันจะส่งผลทําให้ร่างกายรับรู้ว่ามีสารอาหารเข้าไปร่างกายจะไม่ไปสลายไขมัน ดังนั้นแนะนําว่าอาหารอะไรที่รับประทานได้ คืออาหารที่ไม่มีพลังงาน คือ กาแฟดําไม่ได้เติมน้ำตาล ไม่ได้เติมครีมเทียม กาแฟดําเพียวๆ ชาที่ไม่มีน้ำตาล พวกนี้ไม่มีพลังงานสามารถดื่มได้ ตอนเช้าตื่นมา 7 โมงเช้าอาจจะกินกาแฟดําก่อนแล้วช่วง 8 โมงหรือว่าช่วงที่เราจะรับประทานอาหารค่อยทานอาหาร ก็จะทําให้เราไม่โหยเกินไป
ต่อมาข้อที่ 5 ตั้งเป้าหมาย แล้วก็ตั้งจิตใจให้แน่วแน่ เป็นเรื่องที่สําคัญมากๆ ถึงเราจะรู้หลักการทั้งหมดแล้ว IF ทํายังไง ? อดอาหารตั้งใจให้แน่วแน่และตั้งเป้าหมาย คุณจะสามารถลดน้ำหนักได้แน่นอน สําหรับใครที่มีโรคประจําตัวเยอะ ๆ อย่างเช่นโรคโรคเบาหวาน แนะนําว่าให้ปรึกษาแพทย์ก่อน ก่อนที่จะทํา IF เพราะว่าถ้าทํา IF ไปแล้ว อาจจะทําให้คุณน้ำตาลต่ำแล้วก็เป็นอันตรายต่อร่างกายได้
สนับสนุนโดย sacasino.win