Wednesday, 3 April 2024

10 เรื่องจริง ดูไบ (Dubai) ที่คุณอาจไม่เคยรู้

คุณคงรู้จักดูไบ มหานครสมัยใหม่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหรูหราและในวันนี้ครับเราจะพาคุณมาพบกับสิบเรื่องจริงของดูไบที่คุณอาจไม่เคยรู้

อันดับที่10 จุดเริ่มต้นของดูไบ ย้อนกลับไปในปี 1833 มีชนเผ่าบานนิยาซประมาณ 800 คน ได้เดินทางเข้ามาตั้งรกร้างในพื้นที่บริเวณนี้ปี 1966 เมื่อได้มีการค้นพบแหล่งน้ำมันดิบ ดูไบและรัฐอีกหกรัฐ ได้รวมตัวกันก่อตั้งประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ขึ้นมาจากนั้นในเวลาต่อมาดูไบก็เอาเงินเอาความมั่งคั่งที่ได้จากการค้นพบแหล่งน้ำมันมาใช้ในการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆจนกลายเป็นพื้นที่ที่มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว พวกเขาได้ลงทุนพัฒนาทุกทุกด้านอย่างต่อเนื่อง จนเป็นเมืองที่มีแต่ความมั่งคั่งและความหรูหราอย่างในทุกวันนี้

อันดับที่ 9 สภาพภูมิอากาศ ด้วยความที่ดูใบตั้งอยู่บนพื้นที่ราบทะเลทราย จึงทำให้พื้นที่นี้มีความแห้งแล้งแต่มีอุณหภูมิสูงเป็นอย่างมาก โดยในแง่ของความแห้งแล้งนั้น ที่นี่ก็แทบจะไม่มีฝนตกเลย โดยดูไบนั้นมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยอยู่เพียง 68-94 มิลลิเมตรต่อปีเท่านั้น และในส่วนของอุณหภูมิ ในฤดูร้อนก็มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงถึง 42 องศาเซลเซียส ในส่วนของฤดูหนาวอุณหภูมิก็จะอยู่ที่ประมาณ 25 องศาเซลเซียส

อันดับที่ 8 ย่านคลองดูไบ ถึงแม้ว่าในภาพรวมดูไบจะเป็นเมืองขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสิ่งอํานวยความสะดวกและความหรูหรามากมาย แต่คุณทราบไหมครับว่าทางดูไบนั้นก็ยังรักษาเมืองและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมเอาไว้ โดยพื้นที่บริเวณนี้เรียกว่าย่านดูไบที่ซึ่งเราจะสามารถเห็นบรรยากาศเก่าของดูไบ ในสมัยที่พวกเขายังเป็นเมืองท่า อีกทั้งในย่านนี้ก็ยังมีโซนที่เป็นเมืองโบราณ ซึ่งเป็นสิ่งที่พ่อค้าชาวเปอร์เซียเคยสร้างเอาไว้ในอดีต ซึ่งเป็นย่านที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก แต่ทางยูเนสโกก็ได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย

อันดับที่ 7 ตึกที่สูงที่สุด เดิมมีการก่อสร้างในปี 2004 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2010 มันเป็นตึกที่มีความสูง 829.8 เมตร ใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 1500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 47,728 ล้านบาท มีด้วยกันทั้งหมด 163 ชั้น เป็นที่ใช้งานออกเป็น 3 ส่วนหลักหลัก คือส่วนที่เป็นโรงแรมอพาร์ตเมนต์และสำนักงาน และด้วยความที่เป็นตึกสูงขนาดนี้ แน่นอนว่าภายในต้องมีการติดตั้งลิฟต์โดยสารความเร็วสูงที่สามารถทำความเร็วได้ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือได้ว่าเร็วเป็นอันดับต้นต้นของโลก

อันดับที่ 6  ลดน้ำหนักแลกทอง แต่ทว่าในกรณีของดูไบนั้นพวกเขามีโครงการที่พิเศษกว่าที่ไหนโดยในปี 2013 พวกเขาโครงการลดน้ำหนักแลกทองหรือขึ้นมามันคือการกังหันลดน้ำหนัก เพื่อแลกกับทองคํา โดยใช้เวลาตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม ไปจนถึงวันที่ 16 สิงหาคม ของปี 2013 ผู้เข้าแข่งขันจะต้องลดน้ำหนักให้ได้ขั้นต่ำ 2 กิโลกรัม เพื่อที่จะได้ทองคําหนึ่งกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมที่หายไป แต่ถ้าหากลดได้ตั้งแต่ 5 กิโลกรัมขึ้นไป รางวัลที่ได้ก็จะปรับเป็นทองคํา 3 กรัมต่อน้ำหนักตัวที่หายไป 1 กิโลกรัม

อันดับที่ 5  รถตำรวจ หลายคนอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว ว่ารถตำรวจที่ดูไบมีแบบที่เป็นซูเปอร์คาร์ด้วยและคําถามก็คือว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น มันเป็นเพราะว่าพวกเขารวยมากอย่างนั้นหรือ ซึ่งจริงๆแล้วก็ใช่ทั้งหมด โดยเหตุผลสำคัญนั้น มันคือเรื่องของการส่งเสริมการท่องเที่ยวของดูไบที่พวกเขาผลักดันการท่องเที่ยวแบบหรูหราทำให้เหล่านี้ไม่ได้มีเอาไว้ใช้ไล่ล่าผู้ร้าย แต่มันจะถูกนําไปใช้ลาดตระเวนตามพื้นที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากพวกเขาชื่นชอบรอบและมักจะถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียเสมอ ๆ

อันดับที่ 4  ความต้องการน้ำ ด้วยความที่ดูใบมีสภาพภูมิอากาศอันแห้งแล้ง ทำให้น้ำจืดมีความจําเป็นอย่างมากต่อการดำรงชีวิตของผู้คน ทำให้ดูไบต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมหาศาลในการบริหารจัดการน้ำจืด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโรงงานไฟฟ้า และการกลั่นน้ำทะเล สร้างเขื่อนในการเก็บกักน้ำฝน มีการขุดหาแหล่งน้ำใต้ดิน

อันดับที่ 3 ตลาดทองคําในดูไบ นี่คืออีกหนึ่งสิ่งที่การันตีความหรูหราในดูไบกับตลาดทองคําหรือไบโกซุป มันคือพื้นที่ซื้อขายทองคําและอัญมณีที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมันคือตลาดทองคําปลอดภาษี จึงทำให้ทองคําที่นี่มีราคาถูกกว่าตลาดทั่วไป มีทั้งทองคําแท่งและทองรูปพรรณให้เลือกสรร แต่ละวันมีทองคําหมุนเวียนเป็นปริมาณมหาศาล และสร้างความคึกคักทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างมาก ความนิยมนี้ถึงขนาดที่ว่า พวกเขามีตู้กดทองคําเอาไว้ให้บริการเลยด้วยซ้ำ ซึ่งตู้กดทองที่ว่านี้จะมีการอัปเดตราคาทุกๆ 10 นาที เพื่อให้ราคาหน้าตู้ตรงกับราคาตามท้องตลาดมากที่สุด ซึ่งน้ำหนักของคําแท่งที่มีให้ลูกค้าเลือกนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะมี 1 กรัม 5 กรัมและ 10 กรัม โดยเป้าหมายสูงสุดของตลาดทองคําแห่งนี้ก็คือการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการค้าทองคําของโลก

อันดับที่ 2 The World Ill โครงการหมู่เกาะโลกหรือที่เป็นการสร้างเกาะเทียมขนาดเล็กกว่า 300 เกาะ เรียงตัวกันเป็นแผน เริ่มมีการก่อสร้างในปี 2003 และเปิดโอกาสให้บันไดเอกชนและมหาเศรษฐีทั่วโลกสามารถเข้ามาจับจองและซื้อขายก่อนเหล่านี้ได้ โดยแรกเริ่มนั้นดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีแต่ถ้าว่าต่อมาในปี 2008 ก็ได้เกิดปัญหาวิกฤตการณ์ทางการเงินที่ส่งผลต่อหลายประเทศทั่วโลกทำให้โครงการนี้ต้องหยุดชะงักลงและถูกทิ้งร้างเอาไว้และยิ่งวันเวลาผ่านไป ก่อนเหล่านี้ก็ค่อยค่อยเสื่อมโทรม และกําลังจะจมหายลงไปในทะเลอย่างช้าๆ

อันดับที่ 1 เส้นทางความมั่งคั่งของดูไบ ถึงแม้ว่าดูไบจะมีการค้นพบแหล่งน้ำมันในปี 1966 และมันก็สามารถสร้างกําไรให้กับพวกเขาได้อย่างมหาศาล แต่ถ้าว่าในเส้นทางการเติบโตความมั่งคั่งนี้พวกเขาไม่ต้องการพึ่งพารายได้จากน้ำมันเพียงอย่างเดียว เพราะมันจะเป็นสิ่งที่เสี่ยงมากเกินไปโดยสิ่งที่พวกเขาทำก็คือเริ่มจากการนํารายได้จากการขายน้ำมันดิบมาใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเมืองอย่างต่อเนื่อง

สนับสนุนโดย swaphole.com