Sunday, 8 September 2024

เซลลูไลท์ เกิดจากอะไร & ลดยังไง ?

19 Oct 2022
324

เพื่อน ๆ รู้สึกเครียด ท้อ และไม่ค่อยมั่นใจเวลาใส่ขาสั้น แล้วมีคนมาทักเรื่องเซลลูไลท์หรือเปล่า ? และรู้ไหมว่าโดยทั่วไป เพื่อนๆผู้หญิงส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะมีหุ่นผอมหรืออ้วน จะเสี่ยงที่จะสะสมไขมันที่ช่วงล่างของร่างกายและมีเซลลูไลท์มากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นคำถามคือเซลลูไลท์เกิดจากอะไร กรรมพันธุ์เกี่ยวไหม การออกกำลังกายและการไดเอทแบบไหนที่จะช่วยลดเซลลูไลท์ได้เร็วที่สุด และต้องใช้เวลานานแค่ไหนในการกำจัดเซลลูไลท์วันนี้ผมโค้ชเค จะมาแนะนำวิธีลดเซลลูไลท์ง่ายๆ และจะมีทิปส์ดีๆมาแนะนำ

ร่างกายผู้หญิงส่วนใหญ่จะชอบสะสมไขมันที่ส่วนล่างของร่างกาย หรือ Lower Body Parts โดยเฉพาะสะโพกและต้นขา ซึ่งพอร่างกายเริ่มสะสมไขมันเยอะขึ้น เราก็อาจจะเริ่มเห็นผิวที่เคยเรียบเนียนเปลี่ยนเป็นผิวส้ม หรือเริ่มมีเซลลูไลท์มากขึ้น โดยเฉพาะที่ต้นแขน สะโพก ก้น และต้นขา เป็นต้นครับ

เซลลูไลท์ หรือ Gynoid Lipodystrophy เกิดจากการที่เรามีไขมันใต้ผิวหนัง หรือ Subcutaneous Fat มากเกินไปจนทำให้ผิวบริเวณที่มีไขมันเยอะๆนี้ ถูกเนื้อเยื่อดึงลงไป และเซลลล์ไขมันก็จะโผล่ออกมาเยอะขึ้น จนทำให้ผิวไม่เรียบเนียนเท่ากัน หรือเป็นผิวส้มนั่นเอง

นอกจากนี้ เซลล์ไขมันในบริเวณผิวที่มีเซลลูไลท์ จะกระตุ้นให้มีการไหลเวียนโลหิตมากขึ้น ซึ่งก็อาจจะทำให้มีการบวมน้ำมากขึ้น และทำให้เซลลูไลท์เห็นชัดขึ้นอีกด้วย ผู้หญิงส่วนไม่ว่าจะผอมหรืออ้วน อาจจะเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะไม่มีเซลลูไลท์ เพราะโดยธรรมชาติ ผู้หญิงจะมีมวลกล้ามเนื้อน้อยกว่า และมีไขมันในร่างกายเยอะกว่าผู้ชาย และจากการศึกษาพบว่า ประมาณ 80-90% ของผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีเซลลูไลท์เป็นเรื่องปรกติอยู่แล้ว ซึ่งจะไม่ได้เกี่ยวกับรูปร่าง หรือว่า Body Type ของเราเลย โดยเฉพาะเพื่อนๆผู้หญิงที่มีอายุเยอะ กำลังเข้าสู่วัยทอง หรืออยู่ในวัยทองแล้ว ที่อาจจะมีฮอร์โมนเพศหญิงน้อยลง และมีน้ำหนักเยอะด้วย อาจจะเสี่ยงที่จะมีเซลลูไลท์มากขึ้นกว่าปรกติครับ

แน่นอนครับว่าเซลลูไลท์ไม่ได้เป็นอันตรายต่อสุขภาพเลย แต่อาจจะทำให้เรารู้สึกอาย และไม่มั่นใจเวลาใส่เสื้อหรือกางเกงขาสั้นแล้วเห็นเป็นผิวส้ม เพราะมีเซลลูไลท์เยอะมาก และพอมีคนทักด้วย ก็ยิ่งอาจจะทำให้เรารู้สึกเครียดมากขึ้นไปอีกปัญหาต่อมา คือ พอเราเริ่มคุมอาหาร และออกกำลังกายมาได้สักพัก เซลลูไลท์อาจจะเริ่มหายไป แต่อาจจะไม่มากพอ และพอเราหยุดไดเอทไป เซลลูไลท์ก็กลับมาได้อีกเหมือนเดิมจนอาจจะทำให้เราสบสนได้ว่า ตกลง เราควรเน้นการไดเอท และการออกกำลังกายแบบไหน ถึงจะลดเซลลูไลท์ได้ ? ก่อนที่จะไปเรียนรู้วิธีลดเซลลูไลท์ เรามาดูสาเหตุหรือปัจจัยที่ทำให้มีเซลลูไลท์กันก่อนดีกว่า

เซลลูไลท์เกิดจากอะไร?

แน่นอนว่าการกระจายตัวของไขมัน หรือ Fat Distribution มีผลกับการสะสมไขมันของร่างกายผู้หญิงโดยตรง หรือเราอาจจะเสี่ยงที่จะมีเซลลูไลท์มากกว่าคนอื่นได้ ซึ่ง Fat Distribution นี้ ส่วนใหญ่จะเกิดจากกรรมพันธุ์ และเราไม่สามารถควบคุมได้ แต่ส่วนใหญ่ เซลลูไลท์จะเกิดจากพฤติกรรมการกินอาหารของเรา เช่น เราอาจจะกินน้ำตาลมากเกินไป จนทำให้ร่างกายเราสะสมไขมันใต้ผิวหนังมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เราสามารถควบคุมหรือว่าลดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายได้ เพราะนักวิจัยพบว่าไลฟ์สไตล์ที่แย่ที่ทําให้ร่างกายมีสารพิษและการอักเสบมากขึ้น การนั่งนานเกินไปไม่ออกกําลังกายจนมีผลต่อระดับฮอร์โมนเพศหญิง และการไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารให้ดีขึ้นจนมีผลทําให้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น คือปัจจัยหลักที่ทําให้ผู้หญิงมีเซลลูไลท์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจจะไม่ได้เกี่ยวกับ body type หรือว่าอายุของเราเลย

คําถามต่อมาก็คือการลดน้ำหนักช่วยลดเซลลูไลท์ได้ไหม ? แน่นอนครับว่าถ้าลดน้ำหนักเยอะ ความเสี่ยงมีเซลลูไลท์ก็จะมีมากขึ้นตามมาด้วยและมันก็ดูเหมือนกับว่าการลดน้ำหนักหรือว่าการกินน้อยกว่าที่ร่างกายเผาผลาญที่เรียกว่าแคลอรี่ ก็อาจจะเป็นวิธีกําจัดเซลลูไลท์ที่ดี แต่ประเด็นคือเพื่อนๆจะเห็นว่าถึงแม้ว่าเราจะผอมและมีน้ำหนักไม่เยอะ แต่ว่าเซลลูไลท์และก็ผิวส้มก็อาจจะยังเห็นชัดอยู่การลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว อาจจะไม่ได้ช่วยกําจัดเซลลูไลท์ออกไปเลย เพราะกว่า 32 เปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าร่วมการทดลองรายงานว่า การลดน้ำหนักยิ่งทําให้เซลลูไลท์ของพวกเขาเห็นชัดขึ้น โดยเฉพาะคนที่สะสมไขมันในร่างกายมาหลายปี

ดังนั้นก้าวแรกในการลดเซลลูไลท์คือเราไม่ควรกินอาหารน้อยเกินไปและโฟกัสไปที่น้ำหนักเดียวและเราควรเริ่มกินอาหารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยเฉพาะอาหารที่มีโปรตีนและก็เส้นใยอาหารสูงๆ เช่นปลาแซลมอนเนื้อไก่เทมเป้และเต้าหู้เป็นต้น เพื่อให้ร่างกายเราได้รับโปรตีนเพียงพอต่อวัน หรือให้ได้ประมาณ1.5 – 2 กรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม และให้ร่างกายมีเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวเพิ่มมากขึ้น พอเราเริ่มกินโปรตีนให้เพียงพอต่อวัน เพื่อนๆอาจจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงของผิวที่ดีขึ้นตั้งแต่สองอาทิตย์แรก เช่นผิวเริ่มมีน้ำมีนวลมากขึ้น มีความยืดหยุ่นเรียบเนียน และไม่ค่อยเห็นผิวส้มเหมือนเดิม

สนับสนุนโดย ufa6556.pro