Muji แบรนด์ดีที่ไม่มีแบรนด์ ไม่ว่าคุณจะเคยใช้หรือไม่เคยใช้ ไม่ว่าคุณจะเคยเดินเข้าหรือแค่เพียงเดินผ่าน แต่เชื่อว่าน่าจะคุ้นเคยกับแบรนด์เสื้อผ้า และสินค้าเครื่องใช้ในบ้านสัญชาติญี่ปุ่น อย่างมูจิที่แม้จะไม่เคยติดชื่อโลโก้แบรนด์บนหรือบนป้ายราคาให้เห็นแม้แต่น้อย แต่ใครๆหลายคนต่างก็จดจําและหลงรักในความเรียบง่าย น้อยแต่มากหรือและความเชื่อในปรัชญาการออกแบบของแบรนด์นี้
ปี 1980 Seiki Susumi ประธานของห้างสรรพสินค้า Se youได้ก่อตั้งแบรนด์ Muji ขึ้นมา ในช่วงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นกําลังรุ่งเรือง และเป็นยุคที่ธุรกิจค้าปลีก เต็มไปด้วยการแข่งขัน กลายเป็นสงครามราคาของสินค้าฟุ่มเฟือย เพื่อแย่งชิงกลุ่มลูกค้าคนเมืองและคนรวย แต่ Seiji Susumi กลับอีกแบบเขาเชื่อว่าการตัดราคาและลดคุณภาพสินค้าเพื่อทํากําไรเหนือคู่แข่ง ไม่ใช่การทําธุรกิจที่ยั่งยืน เขาจึงเริ่มผลิตสินค้า 40 ชนิด ภายใต้ Muji ซึ่งย่อมาจากคําว่า Muji Ruchia ที่หมายถึงสินค้าคุณภาพดีที่มียี่ห้อ สร้าง ด้วยการไม่พึ่งพา และไม่สร้างภาพจําใดใดเกี่ยวกับ สินค้าที่มูจิผลิตครั้งแรกประกอบด้วยอาหาร 31 อย่าง และอุปกรณ์ใช้สอยภายในบ้าน เก้าอย่างที่เน้นความเรียบง่าย คุณภาพดี แต่ราคาย่อมเยา หนึ่งในสินค้าบุกเบิกที่ได้รับความนิยมคือ จักรยาน ที่นําเข้าชิ้นส่วนจากไต้หวัน และประกอบในญี่ปุ่น และเริ่มลงโฆษณาในนิตยสารหลายเล่ม โดยเฉพาะนิตยสารผู้หญิงทําให้แบรนด์นี้ค่อย ๆ เป็นที่จดจําของแม่บ้านและคนญี่ปุ่นมากขึ้น
ปี 1983 มูจิเปิดร้านสาขาแรกที่เมือง Oyama กรุงโตเกียว ซึ่งมีสินค้าจําหน่ายภายในร้านถึง 720 ชนิด ในปีแรกสั่งกําไรได้กว่าหนึ่งร้อยยี่สิบล้านเยนหรือราวราวสามสิบสี่ล้านบาท จากนั้นจึงได้ทําการเปิดโรงงานในต่างประเทศเพื่อควบคุมคุณภาพและสั่งสมประสบการณ์ในการผลิตสินค้าเพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นบริษัทระดับโลกต่อไป ในปี1989 มูจิตะจะแยกตัวออกมาจากห้างสรรพสินค้าเสี่ยยู และก่อตั้งบริษัทของตัวเองในชื่อบริษัทจํากัด โดยไม่มีคําว่ามูจิอยู่เลย และในปีเดียวกันยังได้เริ่มเปิดสาขาที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ อันเป็นสาขาต่างประเทศสาขาแรกและได้เพิ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย จนถึงปี 2018 บริษัทมีมูลค่าการตลาดคิดเป็นเงินไทยสูงถึง 236176 ล้านบาท มีสาขาของมูจิเฉพาะในญี่ปุ่น 419สาขาและมี 928 สาขากระจายอยู่ใน 28 ประเทศ อีกทั้งยังมีสินค้ารวมกว่า 7500 รายการ
สินค้าทุกชิ้นของ Muji อยู่ภายใต้แนวคิดของความว่างเปล่า เพื่อให้ลูกค้าได้เติมเต็มเรื่องราวของตัวเองและเน้นแนวคิดความเรียบง่าย มีฟังก์ชันตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจําวัน สินค้าทุกชิ้นไร้โลโก้ ไม่เน้นสีสัน และมีแค่เพียงคําว่า Japan ติดอยู่บนสินค้าเท่านั้น จากเป้าหมายเดิมที่อยากผลิตสินค้าที่ดี มูจิขยับว่าเป็นการสร้างชีวิตที่ดีให้กับลูกค้า ด้วยเหตุนี้แบรนด์จึงไม่เน้นการทุ่มเงินเพื่อสร้างแรง แต่ต้องการสร้างไลฟ์สไตล์ของผู้คน กลายเป็นมูจิ culture ที่เป็นทั้งไลฟ์สไตล์ของลูกค้า และเป็นวัฒนธรรมองค์กรของแบรนด์นี้ด้วยเช่นเดียวกันแม้ว่า มูจิจะกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกแต่ก็ไม่ค่อยมีใครได้รู้จักออกแบบที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์เลย เพื่อให้ลูกค้าสนใจไปที่คุณภาพของสินค้ามากกว่าชื่อเสียงของนักออกแบบ นักออกแบบประจําของแบรนด์นี้ทั้ง 15 คน.มีภารกิจสําคัญก็คือ การเดินทางไปทั่วโลก เพื่อเฟ้นหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพเหมาะสม เพื่อนํามาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ของ Muji นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อว่าเป็นที่รักษาสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก
โดยสินค้าของนี้มักใช้สีธรรมชาติที่แท้ของวัตถุต่างๆ เช่น สีของเปลือกไม้ ผ้าดิบ มากกว่าการแต่งเติม หรือย้อมสี รวมทั้งมักผลิตสินค้าแบบถุงรีฟิลออกมาคู่กัน เศษที่เหลือจากการผลิตสินค้าหนึ่ง อาจจะกลายมาเป็นวัตถุดิบของสินค้าอีกชนิดหนึ่งเช่น ถุงเท้าที่ผลิตจากเส้นด้ายที่เหลือจากการตัดเย็บเสื้อผ้า และพาสต้ารูปตัวยูก็เป็นชิ้นส่วนที่บริษัทพาสต้าบริษัทอื่นตัดทิ้งซึ่งทั้งหมดนี้กลายเป็นเอกลักษณ์ที่ชัดเจน ที่ทําให้ผู้คนประทับใจในแบรนด์นี้โดยไม่จําเป็นต้องลงทุนกับการโฆษณาสื่อ ไม่ว่าจะกระแสไม่ว่าจะกระแสหลักหรือออนไลน์ใดใดเพื่อสร้างเลย
มีจุดเริ่มต้นจากคู่มือพนักงานที่มีชื่อว่า Muji Clang ที่หนาถึง 2000 หน้า อันเกิดจากปัญหาข้อร้องเรียนของลูกค้าเกี่ยวกับสินค้าและบริการจํานวนมาก โดยเนื้อหาภายในจัดทําโดยพนักงานที่ทํางานและรู้ปัญหาหน้างานจริงๆ คู่มือนี้ทําให้ข้อร้องเรียนของลูกค้ากว่าเจ็ดพันเรื่องในปี 2002 ลดเหลือเพียงหนึ่งพันกว่าเรื่องในปี 2006 ปัจจุบัน มูจิไม่ได้มีแค่ผลิตภัณฑ์ เพราะยังแตกลายธุรกิจหลายรูปแบบ ทั้งคาเฟ่ แอนมิว มูจิ ร้านอาหารแบบบริการตัวเอง ที่เน้นบริการอาหารที่เรียบง่ายที่สุด มูจิ outdoor กิจกรรมตั้งแคมป์ในป่า ที่มีเต็นท์ เรือเบ็ดตกปลา และกิจกรรมกลางแจ้งจากคนในท้องถิ่น มูจิโฮม บ้านไซส์เล็กขนาดเก้าตารางเมตร ที่ใช้ได้ในทุกสภาพภูมิประเทศของญี่ปุ่น และมูจิโฮเต็ล ที่ดึงความเป็นมูจิ มาสร้างประสบการณ์ให้กับแขกที่เข้าพักมูจิซังครั้งแรกเปิดในประเทศไทยเมื่อปีสองพันสิบหกที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลม ในปัจจุบันมูจิมีสาขาในไทยถึงสิบเก้าสาขา สาขาล่าสุดก็คือสาขาสามแยกมิตรทาวน์ ซึ่งมีความพิเศษคือมีมูจิคาเฟ่ที่เหมือนกับสาขาในญี่ปุ่นด้วยด้วยมูจิคาเฟ่จะเลือกใช้เมล็ดกาแฟจากดอยตุงที่มีคุณภาพดี และต้องการช่วยเหลือเกษตรกรไทย ตรงตามปรัชญาของมูจิ ที่ต้องการเสริมสร้างชีวิตที่ดีให้แก่ผู้คน นี่คือเรื่องราวของโมจิ แรงดีที่ไม่มี ถ้าคุณอยากให้เรานําเสนอประวัติชั้นนําระดับโลกไหนอีก
สนับสนุนโดย ufa6556.pro