Tuesday, 7 May 2024

สิ่งที่คนวัยทำงานต้องเจอ

ปก-สิ่งที่คนวัยทำงานต้องเจอ

ปัญหาสุขภาพของคนทำงาน

สำหรับใครที่อยู่ไกลหน่อยก็จะต้องฝ่าฟันการจราจรทั้งขาไปและขากลับ อีกทั้งคนวัยนี้จะต้องทุ่มเทให้กับการทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงอีกต่างหาก จึงไม่แปลกใจสักเท่าไรที่คนวัยทำงานต่างละเลยการดูแลสุขภาพโดยรวมของตนไป ทั้งพักผ่อนไม่เพียงพอ ขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่พิถีพิถันในการเลือกทานอาหาร ที่สำคัญมีความเครียดสูง โดยที่บางคนอาจไม่รู้ตัวด้วยว่าลึกๆ แล้วตนเองกำลังสะสมความเครียดไว้อยู่ ความเครียดจึงเป็นตัวการสำคัญของปัญหาสุขภาพทั้งหลายที่เข้ามารุมเร้า ทั้งที่คุณสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าไปจนถึงระบบภายในร่างกายที่เรามองไม่เห็น ซึ่งปัญหาสุขภาพที่พบมากในวัยทำงานได้แก่

ออฟฟิศซินโดรม

ไม่พูดถึงโรคนี้คงไม่ได้ เพราะร้อยละ 60 ของคนวัยทำงานต่างเป็นโรคออฟฟิศซินโดรม เนื่องจากด้วยวิถีการทำงานที่ต้องนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทุกวัน วันละไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง ขยับเขยื้อนตัวน้อย จนทำให้ร่างกายเกิดความเครียด เป็นเหตุให้กล้ามเนื้อเกร็งตัวและมีอาการปวดตึงที่คอ บ่า ไหล่ หลัง ไปจนถึงขา เมื่อเกิดอาการเช่นนี้ซ้ำๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานจนมีอาการรุนแรงมากขึ้น จะทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือกดทับเส้นประสาทได้

อาการปวดหลังจากการทำงาน

โรคอ้วน

อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นคนในวัยทำงานมีการเคลื่อนไหวน้อย และมีความเครียดเข้ามาตลอดเวลา เมื่อเกิดความเครียดร่างกายจะใช้พลังงานมากขึ้น ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) หรือฮอร์โมนแห่งความเครียดจะสั่งให้ร่างกายเกิดความหิวได้ง่ายขึ้น และคุณจึงเลือกที่จะทานขนมที่มีน้ำตาลมากเป็นตัวเลือกแรกๆ  นั่นเป็นเพราะร่างกายต้องการอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต อาหารที่ให้พลังงานสูง และน้ำตาลสูง จึงทำให้อ้วนขึ้นและยิ่งร่างกายขยับเขยื้อนน้อย ไม่มีเวลาออกกำลังกาย ก็ยิ่งอ้วนง่ายขึ้นไปอีก ซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายต่างๆ ตามมา

ความดันโลหิตสูง

ต่อเนื่องมาจากโรคอ้วน โดยส่วนมากหากเป็นโรคอ้วนแล้ว มักจะพ่วงมาด้วยโรคความดันโลหิตสูง เพราะคนที่เป็นโรคอ้วน หลอดเลือดแดงมักตีบหรือตันด้วยไขมันที่เกาะในเส้นเลือด เนื่องจากการทานของมันของทอดเป็นตัวการหลักที่จะทำให้ไขมันเพิ่มมากขึ้นจนเกาะตามผนังหลอดเลือด ประกอบกับความเครียดที่ทำให้หลอดเลือดของคนวัยทำงานหดเกร็งจนตีบ หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันเลยสูงขึ้นตามมา ซึ่งสถานการณ์โรคความดันโลหิตทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นทุกปีและคาดว่าในปี 2568 ความชุกของผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.56 พันล้านคนถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงเลยทีเดียว

ความดันโลหิตสูง

ทุกวันนี้การสร้างสมดุลของการทำงานและการใช้ชีวิตของเรานั้น แทบจะเป็นไปได้ไม่ได้เลยทีเดียว ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่อยู่รอบตัวเรานั้น ทำให้เราทำงานได้ตลอดเวลาเลยล่ะ จากผลสำรวจของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นตรงกันว่า ความเครียดที่เกิดจากความไม่จบไม่สิ้นของการทำงานนั้นทำให้เกิดผลเสียได้ ไม่ว่าจะในเรื่องของความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง สุขภาพ และความสุขโดยรวม เพราะฉะนั้นการรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและการอาชีพได้ฝากเคล็ดลับ 3 ข้อไว้ให้เราได้ปฏิบัติตามดังนี้

  1. ปล่อยวางจากความสมบูรณ์แบบ

ชีวิตในวัยเด็กนั้นเราอาจถูกคาดคั้น ถูกจำกัดด้วยการเรียน เช่น เวลาเข้าเรียน เวลานอน เวลาทำงานอดิเรก หรือแม้แต่เด็กบางคนยังต้องทำงานหลังเลิกเรียนอีก กลายเป็นว่าเราต้องแบ่งสรรเวลาให้สมบูรณ์แบบ แต่ด้วยความเป็นเด็ก ความรับผิดชอบก็ยังไม่สูงมาก ทำให้ทุกอย่างดูจะเป็นเรื่องง่ายที่จะควบคุม พอโตขึ้นชีวิตเราก็ซับซ้อนมากขึ้น ไหนจะความรับผิดชอบที่มากขึ้น ไหนจะการงานที่มากขึ้น เพราะฉะนั้นมันจึงแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะควบคุมเวลาให้ได้อย่างสมบูรณ์ และถ้าการทำให้ชีวิตสมบูรณ์แบบนั้นติดเป็นนิสัยแล้ว มันอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเราได้ทุกเมื่อ ดังนั้นกุญแจสำคัญที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากทำร้ายตัวเองทั้งด้านร่างกายและจิตใจคือการลองถอยออกมาจากความสมบูรณ์แบบนั้นซะ แล้วปล่อยวางบ้าง เพราะในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบหรอก

การออกกำลังกาย

  1. ออกกำลังกายนั่งสมาธิ กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ!

แน่นอนครับว่าการออกกำลังกายนั่นเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการลดความตึงเครียดจากการทำงาน นอกจากจะทำให้เรามีสุขภาพแข็งแรงแล้ว การออกกำลังกายยังทำให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนแห่งความสุข (endorphins) ขึ้นมามากมาย ช่วยให้อารมณ์ของเราดีขึ้น แถมการออกกำลังกายก็ช่วยให้เราเข้าสู่ภาวะที่มีสมาธิมากขึ้นด้วยนะครับ ไม่มีประกันสุขภาพที่ไหนดีเท่ากับการออกกำลังกายอีกแล้วล่ะ เห็นแบบนี้แล้วไม่แบ่งเวลาไปออกกำลังกายไม่ได้แล้วสิเนี่ย

  1. แบ่งเวลาให้กับกิจกรรมและคนที่เรารัก

อันดับแรกเราต้องรู้ว่าอะไรสำคัญที่สุดในชีวิต เขียนรายชื่อและกิจกรรมนั้นออกมา แล้วก็สร้างขอบเขตขึ้นเพื่อที่เราจะได้ใช้เวลาอยู่กับคนและกิจกรรมที่เรารักที่สุด และสิ่งไหนที่ไม่ได้สำคัญในชีวิตเราจริงๆ เราก็ควรปล่อยวางไปครับ ไว้มีเวลาว่างจากงาน จากสิ่งที่เรารักจริงๆ ค่อยไปทำ ฟังแล้วอาจดูเหมือนเห็นแก่ตัวนะครับ แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่เห็นแก่ตัวเลยซักนิด มันก็เหมือนกับเหตุการณ์บนเครื่องบินนั่นแหละ ที่เราต้องใส่หน้ากากอ็อกซิเจนให้ตัวเองก่อนที่จะใส่ให้เด็กข้างๆ แล้วถ้ามันกลายมาเป็นเรื่องของครอบครัว เรื่องเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานล่ะก็ ยิ่งถ้าเราดูแลตัวเองได้ดีมากขึ้นเท่าไรก็จะยิ่งทำให้เราดูแลเรื่องเหล่านี้ได้ดีมากขึ้นเช่นกัน

สนับสนุนโดย ufabet8.win