คุณคงรู้จัก GUCCI (กุชชี่) แบรนด์สินหรูจากประเทศอิตาลี่ ที่ใครหลายๆคนอยากมีสินค้าของ GUCCI (กุชชี่) เอาไว้ในครอบครอง และในวันนี้ครับ เราจะพาคุณมาพบกับ 10 เรื่องจริงของ GUCCI (กุชชี่) ที่คุณอาจไม่เคยรู้
อันดับที่ 10 : ความเป็นมาของ GUCCI
ความเป็นมาของ Gucci เรื่องราวเริ่มต้นจากนายกุชชีโอกุชชี่ ได้ทํางานที่โรงแรมซาวอยที่กรุงลอนดอน ซึ่งที่นี่เขาได้พบเห็นกระเป๋าเดินทางอยู่มากมาย แล้วก็เห็นมันอยู่ทุกทุกวัน จนเกิดเป็นความหลงใหลคลั่งไคล้แต่ต่อมาในปี1921 เขาเลยตัดสินใจลาออกจากโรงแรมแล้วเดินทางกลับไปที่ Florence ประเทศอิตาลี ที่เป็นบ้านเกิดของเขาเพื่อเริ่มต้นกิจการเครื่องหนังเป็นของตัวเอง และกิจการก็ดําเนินไปได้ด้วยดี จนเมื่อลูกชายของเขานายเอากุชชี่ได้เข้ามาสืบทอดกิจการต่อเขาก็ได้ตัดสินใจเปิดร้าน Gucci แห่งที่สองขึ้นมาในปี 1950 ที่กรุงโรม และภายใต้การบริหารงานของ Aldowe Gucci Gucci ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง จนทําให้พวกเขามีการจัดจําหน่ายสินค้าไปทั่วโลก
อันดับที่ 9 : ความยากลำบากของ GUCCI
ความยากลําบากของกุชชีการเดินทางของ ในอดีตนั้น เต็มไปด้วยความงามและความยากลําบาก แล้วยังมีความตึงเครียดภายในบริษัท ยกตัวอย่างเช่น ในยุคที่นายเปาโลกุชชี่ มาเป็นผู้สืบทอดกิจการรุ่นที่สาม เขามีความต้องการจะสร้างลายสินค้าใหม่มีราคาถูกกว่าเพื่อจับตลาดฐานลูกค้าวัยรุ่น แต่ทุกคนในครอบครัว Gucci กลับไม่เห็นด้วยและคัดค้านอย่างหนัก นํามาซึ่งความขัดแย้งภายในครอบครัว และเมื่อกิจการตกไปถึงมือของลูกชายเป่าลม อย่างนายมาโอริซิโอ ซึ่งเขาได้รับมรดกตกทอดเป็นหุ้นมากพอสมควร แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ เขาต้องการครอบครองบริษัทโดยการตัดบรรดาญาติญาติของเขาทิ้งไป ซึ่งเขาใช้วิธีให้บริษัท Investor เข้ามาไล่ซื้อหุ้นที่เหลือจากญาติญาติเหล่านั้น
อันดับที่ 8 : การกลับมาที่ยิ่งใหญ่ของ GUCCI
การกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของ Gucci หลังจากที่ผ่านความยากลําบากมานานหลายสิบปีในที่สุดปีหนึ่งเก้าเก้าเก้าก็เป็นปีที่Gucciกลับมาผงาดอีกครั้งจากการที่บริษัทพีพีอาร์ได้เข้ามาซื้อหุ้นของ Gucci จํานวนสี่สิบสองเปอร์เซ็นต์ ซึ่งคิดเป็นมูลค่ามากถึงสามพันล้านเหรียญสหรัฐซึ่งก็ทําให้ Gucci สามารถรอดพ้นจากการถูกบริษัทอื่น แต่ด้วยการมาของ PPR ทําให้การดําเนินงานของกิจการุชชี่ดีขึ้นมากจากหนี้สินที่เคยมีในอดีตจนกลายมาเป็นบริษัทที่ถือครองเงินสดจํานวนมหาศาลและที่สําคัญพวกเขาได้เข้าไปซื้อหุ้นหรือไม่ก็ซื้อทั้งกิจการของสินค้าหรูอื่นทําให้ Gucci มีสินค้ารวมเอาไว้ในเครือมากมายอย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน
อันดับที่ 7 : GUCCI (กุชชี) และ UNICAF
Gucci และ UNICEF ตั้งแต่ปีสองพันห้าเป็นต้นมา Gucci ได้เป็นพันธมิตรกับยูนิเซฟที่จะบริจาคและสนับสนุนสุขภาพ การศึกษา น้ําดื่มสะอาด การป้องกันและการรักษาโรคเอดส์ ให้สําหรับผู้ที่ขาดแคลนทั่วโลก ซึ่งตัวอย่างแคมเปญที่โด่งดังของกุชชี่ก็คือ แคมเปญแทททูฮาร์ดคอลเลคชั่น ที่ได้ร่วมงานกับ นักร้องสาวชื่อดังทางกุชชี่ได้แบ่งรายได้จํานวนยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์จากการขายสินค้านี้ไปบริจาคให้กับยูนิเซฟในการนําไปช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลนทั่วโลก
อันดับที่ 6 : กระเป๋าหูไม้ไผ่ ของ GUCCI
กระเป๋าหูไม้ไผ่ของ Gucci ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองถือเป็นช่วงเวลาที่ยากลําบากสําหรับบริษัทหลายหลายบริษัท ซึ่ง Gucci เองก็เป็นหนึ่งในนั้น เพราะในตอนนั้นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าต่างต่างในประเทศอิตาลีเป็นอะไรที่หาได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นหนังสัตว์ ผ้า และวัสดุจุกจิกอื่นๆ จึงทําให้ Gucci ต้องมองหาวัสดุอื่นเพื่อเป็นทางซึ่งในเวลานั้นอิตาลียังสามารถนําเข้าไม้ไผ่จากประเทศญี่ปุ่นได้อยู่
อันดับที่ 5 : รองเท้าหนังของ GUCCI
รองเท้าหนังของ Gucci รองเท้า หรือรองเท้าส้นเตี้ยแบบไม่มีเชือกของ Gucci นั้น ทุกคู่ล้วนถูกผลิตขึ้นมาอย่างปราณีตที่เมือง Forence ประเทศอิตาลี ซึ่งซึ่งมันผ่านการตัดเย็บอย่างพิถีพิถันด้วยมือ จากช่างผู้ชํานาญการหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ และด้วยคุณภาพและความใส่ใจของ Gucci เราจึงไม่แปลกใจเลยว่า ทําไมรองเท้าของ Gucci ถึงได้รับความนิยมไปทั่วทุกมุมโลก
อันดับที่ 4 : GUCCI (กุชชี) ประกาศเลิกใช้สนสัตว์แท้
Gucci ประการเลิกใช้ขนสัตว์แท้นาย Marco Disaly CEO คนปัจจุบันของGucci ได้ประกาศออกมาว่า Gucci จะเลิกใช้วัสดุที่ทําจากขนสัตว์ทั้งหมดภายในปี2018 โดยเริ่มต้นจากสปริงเป็นต้นไป โดยที่ Marco ให้เหตุผลเอาไว้ว่า การเลิกใช้ขนสัตว์ถือเป็นการรับต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมส่วนรวม อีกทั้งเขายังมองว่า สินค้าที่ทําจากขนสัตว์มันเชยไปแล้ว ซึ่งเราสามารถผลิต สร้างสรรค์ได้อีกมากมาย แล้วก็สามารถทํามันให้ออกมาดีได้ โดยที่ไม่จําเป็นต้องใช้ขนสัตว์ และสําหรับคอลเลคชั่นก่อนหน้านี้ที่ทํามาจากขนสัตว์จะนํามาประมูลเพื่อนํารายได้ไปบริจาคให้กับองค์กรสิทธิสัตว์ Helmin Sociel International
อันดับที่ 3 : สินค้าที่ถูกที่สุดและแพงที่สุดของ GUCCI
สินค้าที่ถูกที่สุดและแพงที่สุดของ Gucci สินค้าหรูของGucci มีให้คุณเลือกสรรมากมาย โดยที่สินค้าที่มีราคาถูกที่สุดของคุณคืออายไลเนอร์ มิดไนท์บลู อินฟินิช พรีซิชั่น ไลเนอร์ ที่มีราคาเพียงยี่สิบแปดเหรียญสหรัฐเท่านั้น และสําหรับสินค้าที่แพงที่สุด คือเข็มขัดที่มีหัวทํามาจากแพลทินัมฝั่งเพชร และมันก็มีราคาอยู่ที่ 256970 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ8200000 บาท
อันดับที่ 2 : GUCCI (กุชชี) ในปัจจุบัน
Gucci ในปัจจุบัน Gucci ถือเป็นอีกหนึ่ง ที่ประสบความสําเร็จอย่างมากในวงการแฟชั่น โดยที่พวกเขามีรายได้ทั่วโลก ในปี2017 ที่ผ่านมา อยู่ที่เจ็ดร้อยล้านเหรียญสหรัฐหรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ15400ล้านบาท และนอกจากนี้ยังได้จัดอันดับให้ Gucci เป็นที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับที่ 47 ของโลก ด้วยทรัพย์สินที่ถือครองทั้งสิ้น 12700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือไทยประมาณสี่แสนหกพันสี่ร้อยล้านบาท
อันดับที่ 1 : 2 นักวาดไทยที่ได้ร่วมงานกับ GUCCI
สองนักว่าไทยที่ได้ร่วมงานกับ Gucci แน่นอนว่าการร่วมงานกับระดับโลกอย่าง Gucci นั้น คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครใครจะทําได้โดยเรื่องราวเริ่มต้นจากการที่คุณยูน อดีตครีเอทีฟไดเรกเตอร์ของแบรนด์โฆษิต ได้โพสต์รูปที่เธอว่าเล่นลงในอินสตาแกรม แล้วก็ได้ลองติดแฮชแท็กไปทางกุชชี่ ซึ่งผลงานของเธอก็เข้าตาครีทีฟ ไดเรกเตอร์ของกุชชี่พอดี จนทําให้ในปลายปี 2015 ที่เป็นการเชิญชวนศิลปินชาวเอเชียมาว่าลวดลายลงบนผืนผ้าของ Gucci ตามของตัวเอง แต่ต่อมาในปลายปี 2016 ทาง Gucci ก็ได้ติดต่อมาที่คุณยูนอีกครั้งว่ามีเกี่ยวกับหนังสือนิทานซึ่งเหลือระยะเวลาให้ทําเพียง 2 เดือนเท่านั้น
สนับสนุนโดย sacasino.win